ข้อบังคับของสมาคม

Khoo menu

ข้อบังคับของสมาคมสกุลคูสงเคราะห์

หมวดที่ 1
ความทั่วไป

ข้อ 1. สมาคมนี้มีชื่อว่า “สมาคมสกุลคูสงเคราะห์”
มีชื่อเป็นภาษาจีนว่า 泰國丘氏宗親總會
อ่านเป็นภาษจีนว่า ไทก๊กคูสีจงชิงจงหวย
มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า THE KHOO CLAN’S ASSOCIATION

ข้อ 2. เครื่องหมายของสมาคมเป็นรูปตัวอักษร โดยมีเครื่องหมาย และ ดังที่แสดงไว้ข้างล่างนี้

ข้อ 3. สำนักงานของสมาคม ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 3799 ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

ข้อ 4. วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ
4.1 เป็นองค์กรในการประสานงาน เชื่อมสามัคคีและดำเนินกิจกรรมของ สมาชิก
4.2 เป็นสื่อการติดต่อระหว่างคนในสกุลคู
4.3 แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ระหว่างสมาชิกเพื่อที่จะเกิดประโยชน์ร่วมกันในการ   ประกอบอาชีพ
4.4 เสริมสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกตระกูลคูทั้งในและต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
4.5 เพื่อประกอบกิจกรรมอันเป็นการกุศลอุทิศแด่บรรพบุรุษ และเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและสังคม
4.6 เพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของสกุลคู
4.7 เพื่อสร้างศาลบรรพบุรุษ โรงเรียน โรงพยาบาล และสุสาน
4.8 เพื่อกระทำการอื่นใดให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น โดยการจัดตั้งมูลนิธิของสมาคม

หมวดที่ 2
สมาชิก

ข้อ 5. สมาชิกของสมาคม มี 3 ประเภทคือ

5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลผู้ใช้ หรือเป็นผู้สืบสายโลหิตสกุลคู โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติ

5.2 สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ บุตร หลานสกุล เกียง หลือ คู

5.3 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้ทรงเกียรติ ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการคุณต่อสมาคมซึ่งได้รับฉันทานุมัติจากคณะกรรมการให้เป็นสมาชิกสมาคม

5.4 การสมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญนั้น ให้ผู้มีคุณสมบัติตามข้อ 4.1 ยื่นใบสมัครตามระเบียบของสมาคมโดยนายทะเบียนจะนำใบสมัครเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณารับเข้าเป็นสมาชิกและเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาเห็นชอบให้รับเข้าเป็นสมาชิกแล้ว นายทะเบียน จะแจ้งผลการพิจารณาการรับเข้าเป็นสมาชิกของคณะกรรมการให้ผู้สมัครทราบ การพิจารณาและการ ตัดสินว่าจะรับหรือไม่รับบุคคลใดเป็นสมาชิกสามัญนั้น ถือเป็นสิทธิเด็ดขาดของคณะกรรมการ และก่อนจะรับเข้าเป็นสมาชิก คณะกรรมการอาจ
ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้สมัครได้

5.5 สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาคมส่งมาถึงสมาคม

ข้อ 6. สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

6.1 ตาย

6.2 ลาออกโดยแจ้งเป็นหนังสือไปยังคณะกรรมการ การลาออกจะมีผลนับตั้งแต่วันที่หนังสือลาออกส่งถึงสำนักงาน

6.3 ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของสมาคม หรือ กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสมาคม หรือประพฤติตนเป็นที่เสื่อมเสียแก่สมาคม และคณะกรรมการมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงสองในสามของคณะกรรมการ

6.4 ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ออก

ข้อ 7. ค่าสมัครและค่าบำรุง และค่าบำรุงของสมาคม กำหนดไว้ดังนี้

7.1 ค่าลงทะเบียนสมาชิกสามัญ 300 บาท

7.2 ค่าบำรุงสมาคมรายปี ปีละ 240 บาท

7.3 สมาชิกกิตติมศักดิ์และสมาชิกวิสามัญ ไม่ต้องชำระค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคม

ข้อ 8. ทะเบียนสมาชิก ทะเบียนสมาชิกต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

8.1 ลำดับที่ การเข้าเป็นสมาชิกเลข และทะเบียนประจำตัวสมาชิก

8.2 ที่อยู่ของสมาชิก หมายเลขโทรศัพท์ และ อีเมลล์

8.3 วัน เดือน ปี ที่เข้าเป็นสมาชิก

8.4 รูปถ่าย ของสมาชิก ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป

หมวดที่ 3
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

ข้อ 9. สิทธิของสมาชิกสามัญ

9.1 มีสิทธิขอใช้สถานที่และรับบริการของสมาคม ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารกำหนด

9.2 มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ

9.3 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

9.4 มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

9.5 เฉพาะสมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้งหรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ 1 คะแนนเสียง

9.6 เฉพาะสมาชิกสามัญมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

9.7 มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย 1 ใน 5 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 100 คน ร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้โดยแสดงความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านเลขาธิการของสมาคม

ข้อ 10. หน้าที่ของสมาชิก

10.1 ช่วยเหลือ ร่วมมือ และส่งเสริมงานของสมาคม

10.2 ปฏิบัติตามระเบียบ และข้อบังคับของสมาคม

10.3 เข้าร่วมประชุม และร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

10.4 ติดต่อกับสมาคมอยู่เสมอด้วยตนเองหรือโดยเอกสาร และพร้อมให้ความร่วมมือและปฏิบัติงาน ตามที่สมาคมร้องขอ หรือมอบหมาย

10.5 สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนสมาชิก

10.6 บำเพ็ญตนให้เป็นผู้มีคุณธรรม มีจริยธรรม ส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีไทยและจีน ไม่ประพฤติในทางที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเกียรติของสมาคม

หมวดที่ 4
การบริหารงานและการดำเนินงานของสมาคม

ข้อ 11. การดำเนินงานของสมาคม ให้อยู่ในความอำนวยการของคณะกรรมการบริหารสมาคม โดยคณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามระเบียบ และข้อบังคับของสมาคม และมีอำนาจวางระเบียบขึ้นใช้บังคับแก่กิจการของสมาคมได้

1. กรรมการบริหารสมาคม ให้มีคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ จำนวนไม่น้อยกว่า 19 คน และไม่เกิน 89 คน ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม กรรมการของสมาคมต้องเป็นสมาชิกสามัญซึ่งได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม กำหนดให้กรรมการที่ได้รับเลือกตั้งเลือก นายกสมาคม 1 คน และนายกสมาคมฯ จะเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่เข้าเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคม จำนวนไม่น้อยกว่า 19 คน มีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้

1.1 นายกสมาคม

1.2 อุปนายกสมาคม

1.3 เลขาธิการ

1.4 ผู้ช่วยเลขาธิการ

1.5 เหรัญญิก

1.6 นายทะเบียน

1.7 ผู้ช่วยนายทะเบียน

1.8 ประชาสัมพันธ์

1.9 ปฏิคม

ส่วนที่ไม่ได้แต่งตั้งเป็นกรรมการบริหาร ให้เป็นกรรมการกลาง

2. นายกสมาคม และกรรมการบริหารสมาคม มีหน้าที่ดังนี้

2.1 นายกสมาคม มีหน้าที่บริหารงานสมาคม ควบคุมกิจการทั่วไปของสมาคมให้เป็นไปตามข้อบังคับ และนโยบายของสมาคม และตามกฎหมาย เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก เป็นประธานที่ประชุม และเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงชี้ขาดเมื่อคะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน

2.2 อุปนายก มีหน้าที่ปฏิบัติการแทนนายกสมาคมในกิจการทั่วไป ในขณะที่นายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจมาปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน

2.3 เลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการ มีหน้าที่ดำเนินงานของสมาคมตามที่นายก หรืออุปนายกกำหนดมอบหมายให้ อีกทั้งมีหน้าที่ติดต่อกับสมาชิก และบุคคลภายนอกในกิจการของสมาคม รักษาระเบียบข้อบังคับของสมาคม เรียกประชุม บันทึกการประชุม รักษารายงานการประชุม และโต้ตอบจดหมายอันเกี่ยวกับกิจการของสมาคมทุกอย่างตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคม รับผิดชอบเกี่ยวกับพัสดุ และทรัพย์สินของสมาคม ทำบัญชีทรัพย์สิน สำรวจทรัพย์สินประจำปี และกิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

2.4 นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำทะเบียนประวัติสมาชิก ประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก

2.5 เหรัญญิก มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงินของสมาคมทุกอย่าง และจัดทำงบดุลและงบแสดงการเงินประจำปีให้ผู้สอบบัญชีตรวจ และรับรอง เพื่อนำเสนอที่ประชุมใหญ่พิจารณารับรอง และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ

2.6 ปฏิคม มีหน้าที่ต้อนรับทั่วไปในกิจการสมาคม รับผิดชอบกิจกรรมและงานสังคมที่สมาคมจัดขึ้น

2.7 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และกิจกรรมของสมาคม เพื่อประโยชน์และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก ตลอดจนงานสื่อสารทุกประเภท จัดทำวารสารหรือข่าวสารเกี่ยวกับสมาคม เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่สมาชิก

3. อำนาจตามหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสมาคม

3.1 มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้

3.2 มีอำนาจแต่งตั้ง และถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม

3.3 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของ กรรมการที่แต่งตั้ง

3.4 มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และการประชุมใหญ่วิสามัญ

3.5 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้

3.6 มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

3.7 มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม

3.8 มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญตามที่สมาชิกเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย 1 ใน 5 ของสมาชิกสามัญทั้งหมดหรือ ไม่น้อยกว่า 100 คน ได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

3.9 มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ

3.10 จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ

3.11 มีอำนาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

3.12 เพื่อให้การบริหารงานของสมาคมก้าวต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริหารสมาคม อาจพิจารณาแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา อนุกรรมการ หรือที่ปรึกษาเฉพาะกิจตามความเหมาะสม

4. กรรมการกลาง ทำหน้าที่ให้ความคิดเห็น และร่วมรับผิดชอบการดำเนินงานของสมาคมให้
บรรลุตามวัตถุประสงค์อันเป็นประโยชน์ต่อสมาคม

ข้อ 12. วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการบริหารสมาคม

12.1 คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ อยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี นับแต่ วันแต่งตั้งกรรมการของสมาคมใหม่ทั้งชุดและเมื่อคณะกรรมการอยู่ตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว หากยังไม่มีคณะกรรมการชุดใหม่ ให้กรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการ จนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่ การรับมอบงานระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ ต้องเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้เลือกคณะกรรมการชุดใหม่

12.2 กรรมการบริหารสมาคมที่ออกตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งให้กลับเข้าเป็น กรรมการใหม่ได้อีก

1 2.3 คณะกรรมการบริหารสมาคมที่พ้นจากตำแหน่ง จะต้องส่งมอบงานให้แก่คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใหม่ ณ ที่ทำการสมาคม โดยให้กระทำเป็นลายลักษณ์อักษร ระบุวันเริ่ม และวันเสร็จสิ้นการมอบหมาย ทั้งนี้ให้เสร็จสิ้นภายในไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ได้รับการแต่งตั้งตามขัอบังคับนี้

12.4 หากตำแหน่งกรรมการบริหารสมาคมว่างลงก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น โดยให้ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น

12.5 กรณีตำแหน่งนายกสมาคมว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากออกตามวาระ ให้อุปนายกรักษาการแทนไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งใหม่

12.6 นายกสมาคมอาจพ้นตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้คือ

12.6.1 ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร

12.6.2 ตาย

12.6.3 ถูกถอดถอน โดยมติของที่ประชุมใหญ่

12.6.4 กรรมการบริหารสมาคม ลาออกพร้อมกันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารทั้งหมด

12.7 กรรมการบริหารสมาคมอาจพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้

12.7.1 ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร

12.7.2 ตาย

12.7.3 เมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติไม่ไว้วางใจโดยคะแนนเสียงข้างมากไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม

12.7.4 ขาดการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคม 3 ครั้ง ติดต่อกันโดยมิได้แจ้งเหตุ

1 2.7.5 ขาดคุณสมบัติของสมาชิก

ข้อ 13. การประชุมกรรมการ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

13.1 การประชุมคณะกรรมการบริหาร

13.1.1 การประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมจัดประชุมเพื่อปรึกษาหารืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยเลขาธิการเป็นผู้เรียกประชุมตามความเห็นชอบของนายกสมาคมฯ หรือกรรมการบริหารตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

13.1.2 การประชุมคณะกรรมการบริหารต้องมีกรรมการเข้าร่วมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งจึงครบองค์ประชุม

13.2 การประชุมกรรมการกลาง

13.2.1 การประชุมคณะกรรมการกลาง สมาคมจะจัดการประชุมกรรมเพื่อปรึกษาหารืออย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง และต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุม ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกรรมการ จึงครบองค์ประชุม

หมวดที่ 5
การประชุมใหญ่

ข้อ 14. การประชุมใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

14.1 การประชุมใหญ่สามัญ

14.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ

14.1 การประชุมใหญ่สามัญ ให้คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เรียกประชุมใหญ่สามัญอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และให้มีระเบียบวาระดังต่อไปนี้

14.1.1 นายกสมาคมฯ แถลงผลงานและกิจกรรมในรอบปีที่ผ่านมา

14.1.2 เหรัญญิกเสนองบดุลซึ่งผู้ตรวจบัญชีได้รับรองแล้ว

14.1.3 เสนองบประมาณเพื่อการพิจารณา

14.1.4 เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารใหม่ตามวาระ (ถ้ามี)

14.1.5 เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)

14.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจเรียกประชุมฯได้โดยการที่สมาชิกไม่น้อยกว่า 100 คน หรือสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เข้าชื่อแสดงความจำนงขอให้จัดประชุมวิสามัญเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการ

ข้อ 15. การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขาธิการและหรือนายกสมาคมเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยระบุวัน เวลาและสถานที่ให้ชัดเจน และปิดประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่

ข้อ 16. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 200 คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม หากเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการของสมาคมเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งภายใน 14 วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ไม่ว่าจะมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมจำนวนเท่าใด ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้น การประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก หากองค์ประชุมไม่ครบ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก โดยไม่ต้องเรียกประชุมครั้งใหม่

ข้อ 17. การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ หากคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 18. ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง ให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

หมวดที่ 6
การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ 19. ทรัพย์สินของสมาคมฯ ได้มาจาก

1. ค่าบำรุงสมาชิก

2. ทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาคของบุคคล นิติบุคคล อันมีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศล

3. ดอกและผลที่เกิดจากทรัพย์สินของสมาคมฯ

4. ทรัพย์สินและดอกผลอันเกิดจากกิจกรรมใด ๆ ที่สมาคมฯ จัดขึ้น

ข้อ 20. ให้นายกสมาคมฯ และเหรัญญิกเป็นผู้รับผิดชอบเงินและทรัพย์สินของสมาคมฯ ตามกฎหมาย และให้ทำรายงานการเงินและทรัพย์สินเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร ฯ ทุก 1 ปี

ข้อ 21. เงินของสมาคมฯ ต้องนำฝากธนาคารหรือดำเนินการอื่นใดที่ก่อให้เกิดดอกผลโดยได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เว้นแต่กรณีเงินบริจาคที่ผู้บริจาคได้กำหนดเงื่อนไขไว้เป็นอย่างอื่น

ข้อ 22. การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคม หรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขาธิการ พร้อมกับประทับตราของสมาคม

ข้อ 23. การสั่งจ่ายเงินของสมาคมให้นายกสมาคมฯ มีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) หากเกินกว่านั้น จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 24. เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมฯได้ไม่เกิน 50,000 บาท หากเกินกว่าจำนวนนี้ต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคม

ข้อ 25. เหรัญญิกจะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ

ข้อ 26. การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทน พร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง

ข้อ 27. ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

ข้อ 28. ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และสามารถจะเชิญกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถาม เกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ 29. คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ

หมวดที่ 7
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ

ข้อ 30. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ จะทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่และ ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของจำนวนสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียง โดยมีสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดญ

หมวดที่ 8
การเลิกสมาคม

ข้อ 31. การเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด

ข้อ 32. ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดในพระพุทธศาสนา หรือองค์การสาธารณกุศลใด ๆ ที่มีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยมติที่ประชุมใหญ่

ข้อ 33. การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้เป็นไปตามกฎหมาย.....

หมวดที่ 9
บทเฉพาะกาล

ข้อ 34. ข้อบังคับฉบับนี่ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นต้นไป

ข้อ 35. สมาชิกสามัญได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงสมาคม จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2013

Khoo menu

You are here:

ข้อบังคับของสมาคมสกุลคูสงเคราะห์

หมวดที่ 1 ความทั่วไป

หมวดที่ 2 สมาชิก

หมวดที่ 3สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

หมวดที่ 4การบริหารงานและการดำเนินงานของสมาคม

หมวดที่ 5 การประชุมใหญ่

หมวดที่ 6 การเงินและทรัพย์สิน

หมวดที่ 7การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ

หมวดที่ 8การเลิกสมาคม

หมวดที่ 9บทเฉพาะกาล